: ซับซ้อนละเอียดอ่อนและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรับรู้สิ่งต่างๆรอบตัว แต่ด้วยสภาพแวดล้อมและการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น แสงอุลตร้าไวโอเลตจากแสงแดดจ้า การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือการสูบบุหรี่ ล้วนกระตุ้นให้สายตามีโอกาสเสื่อมเร็วกว่าปกติ และเป็นสาเหตุของปัญหาสายตาตามมา
เช่น โรคจอประสาทตาเสื่อม โรคต้อกระจก เป็นต้น การใส่ใจดูแลสุขภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ดวงตาเสื่อมเร็วกว่าปกติ
· การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ
· แสงอุลตร้าไวโอเลตจากแสงแดด
· ใช้สายตามากจากการเรียนและอ่านหนังสือ
· อายุที่เพิ่มขึ้น
· การสูบบุหรี่ หรืออยู่ในบริเวณที่สูบบุหรี่
· ได้รับวิตามินสารอาหารบางชนิดไม่เพียงพอ
สารอาหารที่ช่วยบำรุงดวงตา
จากรายงานการวิจัยมากมายพบว่า การได้รับสารอาหารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง เช่นการบริโภคผักผลไม้หลากสี มีส่วนช่วยบำรุงดวงตาและป้องกันภาวะสายตาเสื่อมได้โดยสารอาหารที่ช่วยดูแลสุขภาพของดวงตา และลดอนุมูลอิสระที่จะทำลายเลนส์ตาที่สำคัญมี 3 ชนิดได้แก่
ลูทีน (Lutein) เป็นสารอาหารธรรมชาติกลุ่มแคโรทีนอยด์พบมากในตาบริเวณจุดรับภาพและจอประสาทตา ทำหน้าที่ป้องกันรังสีจากแสงแดด ช่วยกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลายดวงตาและช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาโดยการลดอนุมูลอิสระที่ทำลายดวงตา ร่างกายจำเป็นต้องได้รับลูทีนจากอาหาร โดยเฉพาะจากพืชผักสีเขียวเข้ม เช่น คะน้า ผักโขม ผักกาด ปวยเล้ง เป็นต้น และพบว่าการรับประทานลูทีนวันละ 6 มิลลิกรัม ช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ถึงร้อยละ 50
บิลเลอร์รี่สกัด (Bilberry extract)
เป็นสารอาหารกลุ่มไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoid) ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงช่วยป้องกันเลนส์ตา และสร้างความแข็งแรงให้กับคอลลาเจนซึ่งเป็นโครงสร้างของคอร์เนีย (Cornea) และเส้นเลือดฝอยในตาทำให้เส้นเลือดฝอยไม่เปราะแตกง่าย และป้องกันไม่ให้เซลล์ดวงตาขุ่นมัว อันเป็นสาเหตุของโรคต้อกระจก นอกจากนั้นยังช่วยการมองเห็นในที่มืด หรือที่มีแสงสลัวๆให้ชัดเจนอีกด้วย
เบต้าแคโรทีน (Beta Carotene)
เป็นสารอาหารธรรมชาติที่พบมากในแครอท ฟักทอง ร่างกายจะเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนเป็นวิตามินเอ ซึ่งจะช่วยการมองเห็นในที่มืดป้องกันโรคตาบอดตอนกลางคืน และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงดวงตาและป้องกันโรคตาหลายชนิด เช่น ต้อกระจก รวมถึงช่วยให้ผิวเยื่อเมือกในตาชุ่มชื่นขึ้นอีกด้วย
ประโยชน์จากการได้รับลูทีน บิลเบอรี่สกัดและเบต้าแคโรทีนร่วมกัน
· ชะลอการเสื่อมของดวงตา
· ลดอาการเมื่อยล้ากล้ามเนื้อตา
· เพิ่มความแข็งแรงของเส้นเลือดฝอยในตา
· ทำให้การมองเห็นในที่มืดดีขึ้น
· ป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม
· ป้องกันตาขุ่นมัว และต้อกระจก
· ป้องกันเบาหวานขึ้นตา
· เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา
ผู้ที่ควรดูแลสุขภาพตาเป็นพิเศษ
· ผู้ที่ใช้สายตามากจากการอ่านหนังสือ หรือขับรถ
· ผู้ที่ต้องการป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมและต้อกระจก
· ผู้สูงอายุที่มีปัญหาสายตา
· ผู้ที่สูบบุหรี่ ผู้ป่วยเบาหวาน
· ผู้ที่ต้องการบำรุงสุขภาพดวงตา
วิธีการดูแลสุขภาพดวงตา
· นั่งห่างจากจอคอมพิวเตอร์ในระยะเหมาะสม ประมาณ 1 ฟุต 10 ซม.
· อ่านหรือเขียนหนังสือโดยมีแสงสว่างอย่างเพียงพอ
· พักสายตาบ้าง ไม่ควรใช้สายตาติดต่อกันเป็นเวลานานๆ
· หลีกเลี่ยงการมองของที่มีสีขาวหรือวัตถุสะท้อนแสงมากๆกลางแดด
· ควรสวมแว่นกันแดด หรือสวมหมวกทุกครั้งเมื่อออกแดดจ้า
· ตรวจวัดสายตาหรือพบจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละครั้ง
· รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสายตา เช่น ผักผลไม้หลากสี
วิธีการพักผ่อนสายตา
การใช้สายตาต่อเนื่อง เช่น การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ อาจทำให้สายตาเมื่อยล้าได้ควรพักสายตาและบริหารดวงตาบ้างโดย
การใช้สายตาต่อเนื่อง เช่น การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ อาจทำให้สายตาเมื่อยล้าได้ควรพักสายตาและบริหารดวงตาบ้างโดย
· การกระพริบตา การกระพริบตาช่วยให้น้ำตาหล่อเลี้ยงได้ทั่วตา ช่วยลดการระคายเคืองตาได้
· การใช้ฝ่ามือกดตาเบาๆ ให้วางฝ่ามือบนเปลือกตาที่ปิดสนิท กดเบาๆประมาณ 1 นาทีแล้วปล่อย ทำซ้ำ 3-4 ครั้งจะรู้สบายขึ้น
· การมองไกล ให้มองไกลไปจากจอคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 6 เมตร โดยมองไปยังต้นไม้ ใบหญ้าหรือวัตถุสีเขียว จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อตาที่ใช้ในการปรับโฟกัสของเลนส์ตา
· การกลอกตาเป็นวงกลม ให้มองไปรอบๆ กว้างๆ ตามเข็มนาฬิกา 3 รอบและทวนเข็มนาฬิกาอีก 3 รอบ จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อตาที่ใช้ในการกลอกตาไปมา
CR: บทความมาจาก : http://sukkaphap-d.com
รักดวงตา ต้องดูแล ดูเพิ่มเติมที่ : ดูเพิ่มเติมที่นี่ : http://bit.ly/2b6jNHU