วิธีการลดน้ำหนักที่ถูกต้อง.....(แต่ส่วนใหญ่จะทำไม่ได้กันน่ะ)

วิธีการลดน้ำหนักที่ถูกต้อง

โทษของไขมันเกาะในร่างกาย + สูตรลดหน้าท้องล้างลำไส้
โทษที่เกิดจากการที่ไขมันที่เกาะในผนังลำไส้ กระเพาะอาหาร หากสะสมมาจะทำให้เกิดข้อบกพร่องและเป็นผลทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ เช่น

 ถุงน้ำดี ทำให้นอนไม่หลับ อารมณ์ฉุนเฉียว นิ่วในไต สายตาเสื่อม ปวดเมื่อยตามร่างกาย

1. เลือดเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้มึนศีรษะ
2. ไตเสื่อม ทำให้ความจำลดลงและเป็นคนขี้หนาว
3. ม้ามชื้น ทำให้อาหารที่กินเข้าไปแปรสภาพเป็นไขมันเป็นผลทำให้อ้วนง่าย
4. ม้ามโต ทำให้เหนื่อยง่ายเพราะม้ามไปเบียดปอด
5. ถ้าไขมันเกาะลำไส้เล็กมากๆ จะทำให้ลำไส้เล็กไม่สามารถดูดซึมวิตามินซีได้ เป็นผลทำให้เป็นหวัดในตอนเช้าหรือหวัดเรื้อรัง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดโรคภูมิแพ้ ทำให้จามในตอนเช้า
6. ถ้าไขมันในตับสูง การสร้างเม็ดเลือดจะลำบาก ฉะนั้นการดื่มตามสูตรนี้ นอกจากช่วยลดหน้าท้อง ยังส่งผลให้อาการป่วยทั้ง 7 ประการนี้หายไป ด้วย

มาแชร์สูตรล้างลำไส้กระทุ้งไขมันเกาะและยังช่วย ลดไขมันหน้าท้องได้อีก ฉะนั้นเรามาป้องกันการเกิดไขมันเกาะในผนังลำไส้และก่อโรคอ้วน

หน้าท้องเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่จะบ่งบอกถึงว่า ตอนนี้สภาพร่างกายคุณเป็นอย่างไร นั้นก็หมายถึงอาหารที่คุณกินเข้าไปมันเข้ามันสะสมจนทำให้คุณมีไขมันหน้าท้องมาก และจะทำให้คุณกลายเป็นคนอ้วนไปในที่สุด และหน้าท้องเมื่อมีไขมันสะสมแล้วก็ลดยากเสียด้วยพอ ๆ กับไขมันที่สะโพกนั่นแหละ เราจึงมีวิธีทำสูตรนี้มาแนะให้ทำกันค่ะ

วิธีการลดน้ำหนักที่สอดคล้องกับหลักทางการแพทย์ คือ หลีกเลี่ยงยาลดน้ำหนักให้ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภท พรีไบโอติก โปรไบโอติก ที่มีใยอาหารสูงแทน  ห้ามอดอาหาร ทานผักเยอะๆ ทานคาร์โบไฮเดรตน้อยๆ ทานมันน้อยๆ และออกกำลังกาย ซึ่งจะต้องมีรายละเอียดอย่างไรไปอ่านกันเลย

- ต้องทานอาหารให้ครบ 3 มื้อต่อวัน
การทานอาหารครบ 3 มื้อ ทำให้ร่างกายสามารถรักษาระดับการเผาผลาญพลังงานได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการทานเกิน 3 มื้อ จะสร้างนิสัยการทานจุกจิกและทำให้เราหิวบ่อยเกินไป

- ทานอาหารให้ได้พลังงาน 1000-1200 กิโลแคลอรี
ไม่ควรทานต่ำกว่า 800 กิโลแคลอรีเด็ดขาด เพราะร่างกายเราจะทำงานน้อยลงเพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน ซึ่งนอกจากทำให้การลดน้ำหนักยากขึ้นแล้ว ยังทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นง่ายด้วย ทำให้เกิดโยโย่ เมื่อเรากลับมาทานปกติ จึงควรทานให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้ระดับการเผาผลาญพลังงานของร่างกายลดต่ำลง

- ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
หากเราทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ เราจะรู้สึกหิวง่ายเพราะร่างกายจะขาดอาหารหมู่ใดหมู่หนึ่งไป ส่งผลให้ลดน้ำหนักได้ยากขึ้น ร่างกายทำงานบกพร่อง

- ทานโปรตีนให้เพียงพอ
ทานโปรตีน 1.0 กรัมต่อน้ำหนักของเรา 1 กิโลกรัม เพื่อให้ที่ลดลงเป็นไขมัน ไม่ใช่กล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยรักษาระดับการเผาผลาญให้คงที่ ซึ่งเมื่อหยุดลดน้ำหนักจะไม่เกิดโยโย่

- สัดส่วนพลังงาน
โปรตีน/คาร์โบไฮเดรต/ไขมัน สารอาหารที่ได้จากอาหารที่ทานไปควรเป็น 30/50/20 ซึ่งยืดหยุ่นได้

- หลีกเลี่ยงไขมัน
หลีกเลี่ยงอาหารมัน โดนทานโปรตีนแทน เพราะในโปรตีนจะมีไขมันอยู่แล้ว

- ทานผักผลไม้หลากหลายสีสัน
ทานผักผลไม้ เพื่อให้ร่างกายรับสารอาหารครบถ้วน จะได้ไม่หิวง่าย

- ดื่มน้ำประมาณ 2 ลิตรขึ้นไป
เพื่อให้การเผาผลาญไขมัน ขับสารพิษและของเสีย มีประสิทธิภาพ  มีผวพรรณสดใส หากคุณดื่มน้ำไม่เพียงพอ จะมีอาการ ปากแห้ง คอแห้ง และปัสสาวะเหลือง

- ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
เพื่อรักษาระดับการเผาผลาญให้คงที่ หรือใครที่มีการเผาผลาญต่ำก็จะมีการเผาผลาญที่ดีขึ้น ซึ่งหากใครมีเวลาน้อยก็ออกกำลังกายอย่างน้อย 3-6 วันต่อสัปดาห์ก็ได้ เพื่อตอนเราหยุดลดน้ำหนักแล้ว จะไม่เกิดโยโย่

- นอนวันละ 8 ชั่วโมง
หากเรานอนน้อยเกินไป ร่างกายจะทำงานผิดเพี้ยนไปจากระบบ ทำให้อ้วนขึ้นได้ และการนอนมากเกินไปก็ทำให้ร่างกายเผาผลาญต่ำลงได้

- หลังจากได้น้ำหนักที่ต้องการแล้วไม่ควรหยุดควบคุมน้ำหนักทันที
ควรควบคุมน้ำหนักต่อไปอีกอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อให้ร่างกายจดจำน้ำหนักที่ลดได้ จะได้ไม่มีการปรับตัวให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น โดยทานให้ได้พลังงานเพิ่มขึ้นทีละนิดๆ ในแต่ละเดือน

ซึ่งหากใครปฏิบัติได้รับรองว่า หากคุณลดน้ำหนักลงแล้ว จะไม่เกิดโยโย่ขึ้นแน่นอน!!

หมายเหตุ : แต่ถ้าเราต้องการเร่งด่วนเพื่อให้ลดลงก่อน หลังจากนั้น มาควบคุมตามขั้นตอน ก็จะได้ผลเร็ว มีตัวช่วยแนะนำ :  http://bit.ly/2cjMVkN

CR : http://www.cellnature.net/

Thank you